---

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เตรียมทำถนนสายสุขภาพ

เขตภาษีเจริญ  ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ให้เขตภาษีเจริญสะอาดสวยงามได้ในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ ปรับปรุงถนน 2 ข้างทาง เป็นถนนสายสุขภาพ


เตรียมทำถนนสายสุขภาพ


นายจตุรงค์ ผ่องลำเจียก ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ เปิดเผยว่า เขตฯ ร่วมกับกรมควบคุมความประพฤติ ให้นักโทษมีความประพฤติดีมาร่วมบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม โดยทำความสะอาดถนน ชุมชนต่าง ๆ และเก็บขยะที่ยังหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ให้เขตภาษีเจริญสะอาดสวยงามได้ในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ นอกจากนี้เขตฯ เล็งทำถนนสายสุขภาพ บนถนนพุทธมณฑลสาย 1 ระยะทาง 3 กิโลเมตร โดยจะปรับปรุงถนนให้สวยงามน่าออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ ปรับปรุงถนน 2 ข้างทาง พร้อมประสานสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) และกรมทางหลวง เพื่อขออนุญาตตีเส้นเป็นเลนจักรยานให้กับกลุ่มที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน ให้เหมือนกับที่ กทม.ได้จัดทำเลนจักรยานที่บริเวณวงเวียนใหญ่ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้หลังจากเดือน ม.ค. 55 เชื่อว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มีประชาชนสนใจมาร่วมออกกำลังกาย เพราะมี รร.เซนต์ปีเตอร์ที่มีชมรมนักวิ่ง ซึ่งสามารถเป็นตัวอย่างให้คนมาสนใจออกกำลังกายได้ 


ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 

วิธีการจัดการความเครียด

"ความเครียด" อาการที่หลายคนรู้สึกว่าเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ว่าตัวเองเครียดแล้ว วันนี้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีวิธีวัดความเครียดมาฝาก เพียงตอบคำถามแค่ 5 คำถาม คุณก็จะรู้ว่าเกิดภาวะเครียดหรือไม่ พร้อมกับวิธีจัดการความเครียดค่ะ
วิธีวัดความเครียด

วิธีจัดการความเครียด


ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสุนการสร้างเสริมสุขภาพ

ชวนวัยมันส์ 'เลิกชนแก้ว' มาโหลดแอพฯสวดมนต์ข้ามปี

"ความสุขที่ไม่ต้องซื้อหาด้วยเงินทอง คือ ความสุขที่แท้จริงซึ่งใครก็ต้องการ" ภาพที่เห็นผ่านสื่อช่วงปีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ มีคนเจ็บคนตาย หรือการฉลองที่เกินขอบเขตนำไปสู่ความเดือดร้อนทะเลาะวิวาท คงเป็นภาพที่วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเกิดขึ้นอยู่ทุกปี จากการฉลองด้วยน้ำเมา แทนที่จะเริ่มต้นปีด้วยความสุขจึงกลายเป็นความเศร้า


ชวนวัยมันส์ 'เลิกชนแก้ว' มาโหลดแอพสวดมนต์ข้ามปี


ฉลองแบบไหนให้เกิดสุข และไม่สิ้นเปลืองเงินทอง ไม่ใช่เรื่องยากและสามารถชักชวน คนรัก พี่น้อง พ่อ แม่ เพื่อนฝูง มาร่วมกันปฏิบัติง่ายนิดเดียว แค่ลองรู้จักโครงการ"สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดีชีวิตดี" วิธีเคานต์ดาวน์ธรรมะ นำพาจิตสู่วิถีชีวิตแบบชาวพุทธ


มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ศาสนาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มูลนิธิศึกษาธิการ มูลนิธิวัดปัญญานันทาราม สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีอีกกว่า 20 องค์กร ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม"สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในปีนี้จะจัดงานที่ท้องสนามหลวง พร้อมกับวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนร่วมปฏิบัติสิ่งที่เป็นมงคลกุศลร่วมกัน


ชวนวัยมันส์ 'เลิกชนแก้ว' มาโหลดแอพสวดมนต์ข้ามปี


การสวดมนต์ไม่ใช่เรื่องยาก หรือ น่าเบื่อ แต่เป็นการใช้เวลากับคนที่เรารักอย่างมีสติ และทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในปีก่อน เพื่อเริ่มต้นตั้งหลักในปีที่กำลังจะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นทุกข์จากอุทกภัย เศรษฐกิจหรือความขัดแย้งใดๆ ก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ใช้สติให้เป็น


สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่คนไทยทุกคนจะได้ร่วมกัน "สวดมนต์ข้ามปี" เฉลิมฉลองปีพุทธชยันตีครบ2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในปี 2555 และถือเป็นการร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษาอีกด้วย


พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อธิบายเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระพุทธศาสนามั่นคงที่สุดในบรรดาประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาด้วยกันทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีที่ชาวไทยจะได้ร่วมเฉลิมฉลอง และระลึกถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในการก้าวเข้าสู่ปีพุทธชยันตี ด้วยการร่วมสวดมนต์ระลึกถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในการก้าวเข้าสู่ปีพุทธชยันตี ด้วยการร่วมสวดมนต์ข้ามปี เข้าสู่ปีพุทธชยันตี


อีกทั้งยังเป็นการสวดมนต์ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ซึ่งจะทำให้พุทธศาสนิกชนได้รับมงคลข้ามปี และถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้ฝึกตนเป็นผู้สะอาดทั้งกายวาจา ใจ ด้วย


นายบุญจันทร์ บัวหุ่งนายบุญจันทร์ บัวหุ่ง เลขานุการโครงการสนับสนุนวัดเพื่อพัฒนาเด็ก เยาวชน และชุมชน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. อธิบายว่า การสวดมนต์ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของผู้ใหญ่ หรือคนสูงอายุ แต่เป็นกิจกรรมที่เหมาะกับเด็ก เยาวชน และคนทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งวิถีพุทธ ที่ปฏิบัติสืบมาเนิ่นนานในวันปีใหม่ของไทย คือ การใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ญาติพี่น้อง ร่วมกันทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ทำบุญ สวดมนต์ในวันขึ้นปีใหม่ ส่วนค่านิยมดื่มฉลอง ชนแก้ว เมามาย ล้วนเป็นค่านิยมผิดๆ ที่สังคมถูกครอบงำทั้งสิ้น ซึ่งครอบครัวสามารถร่วมกันเปลี่ยนแปลงได้


"กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ควรเริ่มต้นจาก พ่อ แม่ ชักชวนลูกหลานให้เข้าวัดทำบุญในเทศกาลปีใหม่ การสวดมนต์จะทำให้เกิดสมาธิ จิตใจสงบเป็นการนำพาชีวิตข้ามปีไปอย่างมีความสุข ซึ่งการนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวัน จะนำพาเราไปสู่การมีปัญญา การดำรงชีวิตไปในสังคมอย่างมีความสุขในการแก้ไขปัญหาต่างๆ"นายบุญจันทร์กล่าว


แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนจากผับ บาร์ มาเป็นการเข้าวัดในคืนข้ามปี เห็นได้จากกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เข้าร่วมกิจกรรม "สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดีชีวิตดี" ในปีที่ผ่านมาอย่างมีความสุข


ซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ ซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ พิธีกรชื่อดังทางด้านไอที หนึ่งในคนรุ่นใหม่ได้แสดงทัศนคติเรื่องการสวดมนต์ข้ามปีให้ฟังว่า เป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องการสวดมนต์ โดยเฉพาะทุกครั้งที่จะทำงาน หรือจะเดินทางต้องไหว้พระขอพรทุกครั้ง เป็นความสบายใจแม้เรามองไม่เห็นก็ตาม ซึ่งสามารถเริ่มได้ง่ายๆ ก่อนเข้านอนเพื่อให้ใจสงบมีสมาธิหรือเริ่มง่ายๆ จากกราบพระในบ้านอย่างคุณพ่อ คุณแม่ก็ได้


"หากตัวเราได้หัดฝึกจิตสมาธิให้นิ่งลองสวดมนต์ ตัวเราจะได้มีเวลาคิดทบทวนว่าสิ่งที่จะลงมือทำนั้นคิดรอบคอบ ดีพอหรือยัง และอย่ามองว่าการสวดมนต์ทวนว่าสิ่งที่จะลงมือทำนั้นคิดรอบคอบ ดีพอหรือยัง และอย่ามองว่าการสวดมนต์เป็นเรื่องไกลตัว สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น อาจจะเข้าไปในแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับบทสวดมนต์ ในเครื่องมือสื่อสารของเราก็เท่ไม่แพ้กัน เริ่มทำความดีตั้งแต่วันนี้มันก็ดีกับตัวเราเองแน่นอน ซึ่งตัวเองก็ตั้งมั่นไว้เหมือนกันว่าปีนี้จะเข้าร่วมการสวดมนต์ข้ามปีเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีให้กับชีวิตตัวเองสักครั้ง" ซี ฉัตรปวีณ์ ทิ้งท้าย


ดิว-อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์ หรือดิว เดอะสตาร์ 5ขณะที่ ดิว-อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์ หรือดิว เดอะสตาร์ 5 ก็มีมุมมองเรื่องการสวดมนต์ข้ามปีให้ฟังว่า กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในทัศนคติของตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะในหลักคำสอนของพระพุทธศาสนากุศลสูงสุดคือกุศลจากการภาวนาจิต การสวดมนต์เป็นจุดเริ่มต้นการทำสมาธิเพราะจิตเราจะเพ่งแค่บทสวดอย่างเดียวจะช่วยส่งผลหลายทางไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตในแต่ละก้าวอย่างมีสติมากขึ้น


แม้ตัวเองเข้าใจดีว่าวัยรุ่นยุคนี้อาจไม่เข้าใจหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธได้ลึกซึ้งนัก แต่ในฐานะที่เคยบวชเรียนเมื่อต้นปีทำให้ตัวเองได้รู้ว่า หากมนุษย์สามารถตัดรัก โลภ โกรธ หลง ไปได้เราเองจะวุ่นวายกับสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องของเราน้อยลง หันมาให้ความสำคัญกับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น


"ลองคิดว่าพระพุทธศาสนาดียังไงทำไมถึงอยู่คู่มนุษย์มาเกือบ 2,000 กว่าปี พอตั้งคำถามได้ก็ไปหาคำตอบแบบวิทยาศาสตร์ศึกษาค้นคว้าทดลองทำแล้วเราก็ได้ผลลัพธ์พระพุทธเจ้าท่านได้ให้กุญแจหนึ่งดอกกับผู้ที่อยู่ใต้บวรพระพุทธศาสนาเพื่อที่จะใช้กุญแจดอกนี้ไขใจเข้าไปดู และจะรู้ว่าคำตอบที่ได้เป็นคำสอนที่มาจากธรรมชาติของตัวเราทั้งนั้น"


ความสุข ความดี ความเป็นกุศลไม่เคยจำกัดอายุ เพศ วัย ไม่ว่าใครก็ไขว่คว้ามาครอบครองได้ง่ายๆ เพียงแค่เริ่มลงมือทำ ปีใหม่นี้ เริ่มต้นปีดีๆด้วยกัน








ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ดื่มเหล้าแก้หนาวระวังตายแนะใช้ถุงกระดาษยัดเสื้อให้อุ่นขึ้น

ดื่มเหล้าแก้หนาวระวังตายแนะใช้ถุงกระดาษยัดเสื้อให้อุ่นขึ้น
หลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่ภาวะหนาวเย็น  น่าเป็นห่วงเรื่องโรคติดต่อที่มักพบในช่วงฤดูหนาว เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวมอุจจาระร่วง เนื่องจากปริมาณไวรัสจะเพิ่มรวดเร็วขึ้นในฤดูหนาว ซึ่งประชาชนต้องรักษาสุขภาพให้อบอุ่น หากไม่มีเสื้อผ้าเพียงพอ อาจใช้ถุงพลาสติกหรือกระดาษใส่ไว้ด้านในเสื้อเพื่อรักษาอุณหภูมิ
น.พ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผอ.สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า หลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่ภาวะหนาวเย็น  น่าเป็นห่วงเรื่องโรคติดต่อที่มักพบในช่วงฤดูหนาว เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวมอุจจาระร่วง เนื่องจากปริมาณไวรัสจะเพิ่มรวดเร็วขึ้นในฤดูหนาว ซึ่งประชาชนต้องรักษาสุขภาพให้อบอุ่น หากไม่มีเสื้อผ้าเพียงพอ อาจใช้ถุงพลาสติกหรือกระดาษใส่ไว้ด้านในเสื้อเพื่อรักษาอุณหภูมิ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน ดื่มน้ำสะอาดให้เหมาะสม เพราะอากาศแห้งจะทำให้ร่างกายขาดน้ำมากกว่าปกติ ทั้งนี้พบว่าโรคที่เกิดจากภัยหนาวขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขผู้ป่วยผิดปกติแต่อย่างใด
น.พ.รุ่งเรืองกล่าวว่า ให้ระวังอุบัติเหตุจากหมอก ควัน การกางเต็นท์ห้ามจุดไฟผิงในกระโจมเด็ดขาด เพราะจะทำให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อผิดๆ อย่างการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เพราะจะทำให้อุ่นเพียงชั่วครู่ หลังจากนั้นทำร่างกายขาดน้ำ ยังทำให้ขาดสติ หรือทำให้ขาดความระวังในการรักษาอุณหภูมิร่างกาย จึงมักพบเหตุการณ์เสียชีวิตจากอากาศหนาวได้บ่อยครั้ง
ส่วนเชื้อหวัดตัวใหม่ หรือไอโอวา 2011 ยังไม่พบว่ามีการระบาดเข้ามาในประเทศไทย หรือเชื้อมีความรุนแรงมากแต่อย่างใด
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

สธ.ยันไอโอวา ไม่รุนแรง วอน ปชช.อย่าตื่นกลัว เน้นรักษาสุขภาพ

กรมควบคุมโรค ชี้แจง “เชื้อไวรัสไอโอวา” ไม่รุนแรงเท่าหวัด 2009 ย้ำชัด ลักษณะอาการคล้ายหวัดใหญ่ทั่วไป แนะประชาชนดูแลสุขภาพ


สธ.ยันไอโอวา ไม่รุนแรง วอน ปชช.อย่าตื่นกลัว เน้นรักษาสุขภาพ


นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดไอโอวา 2011 ในสหรัฐอเมริกา ที่พบผู้ป่วย 18 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตว่า จากการติดตามข้อมูลพบว่า ได้มีการถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อดังกล่าว ปรากฏว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีการพัฒนาและผสมพันธุ์ออกมาจาก 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วย สารพันธุกรรมจากไวรัสที่เกิดในหมู ไข้หวัดใหญ่ 2009 และไข้หวัดใหญ่ H3N2 ซึ่งจากการสืบประวัติพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสกับหมู มีเพียงผู้ป่วยรายหลัง 3 รายที่ไม่มีประวัติ อย่างไรก็ตาม สำหรับความรุนแรงของไข้หวัดใหญ่ไอโอวา 2011 ไม่ได้แตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และเมื่อเทียบกับไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังรุนแรงกว่า ดังนั้น จึงไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกเพราะมีการรักษาคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป


“หากถามว่ามีโอกาสมาถึงประเทศไทยหรือไม่ ย่อมเป็นไปได้ แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องควบคุมให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งปัจจุบัน คร.มีระบบการเฝ้าระวังที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ในแถบภูมิภาคนี้ รวมทั้งยังได้คณะทำงานยุทธศาสตร์และวิชาการเพื่อป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ในการดูแลเรื่องนี้” นพ.รุ่งเรือง กล่าว


ขณะที่ นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า เชื้อไอโอวา 2011 ไม่ได้รุนแรง ขณะที่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 มีความรุนแรงกว่า โดยข้อมูลผู้ป่วยในปี 2009 พบราว 120,000 ราย ปี 2010 พบ 110,000 ราย และปี 2011 พบผู้ป่วย 50,000 ราย โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 313 ราย ดังนั้น ในปีหน้ายังต้องเฝ้าระวังโรคนี้ รวมไปถึงไข้หวัดใหญ่ทั่วไป โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคม ประชาชนจะมีการเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ ทั้งการไปเที่ยวพักผ่อน หรือการทำกิจกรรมต่างๆ ก็จะมีการรวมตัวกัน ตรงนี้อาจติดเชื้อหวัดได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญทุกคนต้องดูแลตัวเอง หากเริ่มป่วยต้องพบแพทย์เพื่อทำการรักษา








ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ

สัตวแพทย์แนะ 5 สิ่งป้องกันสุนัขกัด

สำหรับกรณีที่เจ้าไข่ตุ๋น สุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูลเทอร์เรียได้กัดคุณยายสมสกุล สวนไพริน แม่ของเจ้าของสุนัข เสียชีวิตในบ้านพักย่านบางเขน กรุงเทพฯ เมื่อเที่ยงวานนี้ ถือเป็นเหตุสะเทือนใจคนรักและเลี้ยงสัตว์เช่นกัน เพราะเกิดความไม่มั่นใจว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกเมื่อใด

แนะ 5 ย ป้องกันสุนัขกัด

สัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ นายสัตวแพทย์ช่วยราชการสำนักพระราชวัง กล่าวว่า สุนัขพันธุ์พิทบูลถูกพัฒนาจนมีสายพันธุ์ที่ดุร้าย เพื่อใช้ในการต่อสู้ หรือใช้เฝ้าทรัพย์สินมีค่า ทุกตัวจะมีสัญชาติญาณดุร้ายแฝงอยู่ แต่จะแสดงความดุร้ายออกมาช้าหรือเร็ว มากหรือน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของเจ้าของ

สัตวแพทย์หญิงอภิรมย์ พวงหัตถ์ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาวิชาการโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน กรมควบคุมโรค แนะนำว่า ประชาชนให้ระวังสุนัขทุกชนิด แม้ว่าจะไม่อยู่ใน 5 สายพันธุ์ควบคุม ได้แก่ พิทบูลเทอร์เรีย บูลเทร์เรียร์ สแตฟฟอร์ดเชอร์ ร็อดไวเลอร์ และฟิลา บราซิลเลียโร เพราะนอกจากสายพันธุ์แล้ว ยังมีองค์ประกอบอีก 5 อย่างที่ต้องระวัง คือ การตื่นกลัว การบาดเจ็บ การแหย่ให้โกรธ การตกใจ และความต้องการทางเพศ ที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้ดุร้าย โดยไม่รู้ตัว

ทั้งนี้ แนะนำว่า หากจะนำสุนัขพันธุ์ดุออกจากบ้าน ควรใส่ที่ครอบปาก และไม่ควรให้เด็กหรือผู้สูงอายุ ที่มีกำลังแขนน้อยเป็นผู้จูงสุนัข ส่วนเด็กแนะนำ 5 ย.ป้องกันสุนัขกัด คือ อย่าแหย่ อย่าเหยียบ อย่าแยก อย่าหยิบพวกจานข้าว และอย่ายุ่งกับมันมากนัก หากว่าถูกสุนัขหรือแมวกัดให้ล้างแผลด้วยน้ำสบู่จนแผลสะอาด จดจำลักษณะของสุนัขและไปพบแพทย์พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับสุนัข

ทั้งนี้ในแต่ละปีคนไทยถูกสุนัขกัด 1 ล้านคน และประมาณครึ่งหนึ่งที่ถูกกัดเพราะปัจจัยจากคน

เหล้าต้องแยกออกจากกระเช้า


ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. แถลงข่าวการจัดและจำหน่ายกระเช้าของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่  2555 เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหาร เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยอย่างเต็มที่


พญ.มาลินี กล่าวว่า ในปีนี้ กทม. จะใช้หลักเกณฑ์การจัดกระเช้าเหมือนในปีที่ผ่านมา แต่จะมีการเข้มงวดการแสดงฉลาก ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และขยายเป้าหมายไปยังผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ตลาด ร้านค้า มินิมาร์ทฯ  โดยหลักเกณฑ์จะมีดังนี้ คือ กระเช้าของขวัญประเภทอาหารบรรจุภัณฑ์ ต้องคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพดี มีฉลากอาหารถูกต้องและมี อย.รับรองสินค้าที่จะนำมาบรรจุลงกระเช้า โดยต้องระบุวันหมดอายุของสินค้าทุกชิ้นอย่างน้อย 6 เดือน และต้องแสดงสัญลักษณ์ของสถานประกอบการบนกระเช้าของขวัญอย่างชัดเจน และแสดงวันที่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าหากผู้บริโภคไม่พึงพอใจในคุณภาพสินค้า โดยสามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ภายในวันที่ 29 ก.พ. 55 สำหรับกระเช้าของขวัญประเภทผักผลไม้ จะต้องคัดเลือกสินค้าที่ใหม่ สด มาจัดกระเช้าของขวัญ โดยแสดงวัน เดือน ปี ที่บรรจุลงกระเช้าของขวัญและตั้งกระเช้ารอจำหน่ายไม่เกิน 3 วัน


ทั้งนี้ต้องแสดงสัญลักษณ์ของสถานประกอบการบนกระเช้าของขวัญและแสดงวัน เดือน ปี ที่ประชาชนสามารถนำมาแลกเปลี่ยนคืนได้หากไม่พึงพอใจในสินค้า ส่วนกระเช้าสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ผู้ประกอบการต้องกำหนดพื้นที่หรือบริเวณตั้งวางกระเช้าของขวัญสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่นให้ชัดเจน แยกออกจากกระเช้าประเภทอื่น ๆ โดยมีข้อความว่า "ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น" ต้องแสดงวันหมดอายุของสินค้าทุกชนิดบนกระเช้าของขวัญและแจ้งวัน เดือน ปี หากผู้บริโภคไม่พึงพอใจในคุณภาพสินค้าให้นำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ ก่อนวันหมดอายุของสินค้า ที่มีอายุสั้นที่สุดในกระเช้า สำหรับกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 คือมีการแยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่นำมาจัดรวมในกระเช้าด้วย ทั้งนี้หากมีการจำหน่ายกระเช้าที่ผิดจากหลักเกณฑ์ เช่น สินค้าไม่ตรงตามฉลากที่แสดง ก็จะมีความผิดทั้งตาม พ.ร.บ.อาหารและยา ในส่วนที่เกี่ยวกับฉลากที่มีโทษปรับสูงถึง 30,000 บาท และยังมีความผิดในส่วนของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคด้วยที่มีทั้งโทษปรับและโทษจำคุก ซึ่งจากการที่ให้แต่ละสำนักงานเขตลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกระเช้าปีใหม่ที่ยังไม่ได้รับรายงานความผิดแต่อย่างใด
อ้างอิง

8 วิธีเตรียมออกกำลังในผู้ป่วยโรคหัวใจ

ผู้ป่วยโรคหัวใจจะกลับมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นได้ หากรู้วิธีออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ดังนี้
ช่วงเริ่มต้นออกกำลังกาย ควรออกกำลังเบาๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อน และหยุดพักเมื่อรู้สึกเหนื่อยหรือแน่นหน้าอก
เมื่อเคยชินกับการออกกำลังกาย ค่อยๆ เพิ่มเวลาของการออกกำลังกาย จนสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องนานอย่างน้อย 15 นาทีขึ้นไป และทำเป็นประจำทุกวัน


ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ และมีความรู้พื้นฐานก่อนออกกำลังกาย ดังนี้ค่ะ
1. เตรียมร่างกายให้พร้อมทั้ง warm up และ cool down ก่อนและหลังการออกกำลังกาย
2. ออกกำลังกายเมื่อร่างกายปกติ ถ้าไม่สบาย เช่น มีไข้หรือเป็นหวัด ควรรอให้หายก่อนอย่างน้อย 2 วัน ก่อนกลับไปออกกำลังกาย
3. ไม่ออกกำลังกายทันทีหลังกินอาหารอิ่มใหม่ๆ ควรรออย่างน้อย 2 ชั่วโมง
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย
5. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแดด หรือใส่เสื้อผ้าที่คับ รัดแน่นจนเกินไป
6. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบที่มีการลงน้ำหนักกระแทก เช่น การกระโดด
7. หยุดออกกำลังกาย และปรึกษาแพทย์ทันที หากพบว่ามีอาการ เหนื่อยมาก หอบ มึนศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียน
8. ลดเวลาในการออกกำลังกายลง หากรู้สึกเหนื่อยหรือเพลียทั้งวัน
อย่าลืมปรึกษาคุณหมอประจำตัวของคุณ ให้ช่วยวางแผนก่อนออกกำลังกายด้วยนะคะ

16 ความจริงของร่างกายที่คุณอาจไม่เคยรู้

Health
 
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
          อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ทั้งภายนอกและภายใน ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าบางทีเราก็ละเลย ไม่สนใจมัน และไม่รู้จักมันดีพอด้วยซ้ำวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยนำเรื่องราวเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ ความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้เลยตลอดชีวิตที่ผ่านมามาฝากกันค่ะ ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่า ร่างกายคนเรามีอะไรที่น่าทึ่งที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อนเลยบ้าง

           1. มนุษย์แต่ละคนมีลายลิ้นที่ไม่เหมือนกันเลย นอกจากลายนิ้วมือแล้ว ใครเลยจะรู้ว่าลายลิ้นของเรายังมีลักษณะเฉพาะบุคคล ไม่มีใครเหมือนกันเลยล่ะ

           2. ไม่ใช่เพียงแค่ งู กิ้งก่า หรือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ เท่านั้นที่ลอกคราบได้ แต่มนุษย์ก็มีการลอกคราบเช่นกัน ในรูปแบบของการผลัดเซลล์ผิวเป็นขี้ไคล และเชื่อไหมว่าในปีหนึ่ง ผิวหนังของคนเราหลุดลอกออกมาถึง 0.7 กิโลกรัมเลยล่ะ

กระดูก

           3. มนุษย์เรามีชิ้นส่วนกระดูกลดลงเมื่อเติบโตขึ้น คนเราจะมีกระดูกราว ๆ 350 ชิ้นเมื่อแรกเกิด และเมื่อเติบโตขึ้นจะค่อย ๆ ประสานหลอมรวมเข้ากัน จนกระทั่งเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ ชิ้นส่วนกระดูกของเราจะลดลงเหลือประมาณ 206 ชิ้นเท่านั้น

           4. มนุษย์เรามีระบบย่อยอาหารใหม่ทุก 3-4 วัน เป็นปกติ ถ้าหากไม่มีการสร้างระบบย่อยอาหารมาทดแทนแล้ว น้ำย่อยจะย่อยกระเพาะอาหารได้เลยทีเดียว

           5. มนุษย์เราแม้จะไม่มีความสามารถในการดมกลิ่นดีเท่ากับสุนัข แต่ก็สามารถจดจำกลิ่นที่แตกต่างกันได้ถึง 50,000 กลิ่นเชียวนะ


มะเร็งลำไส้

           6. มนุษย์เรามีลำไส้ที่ยาวประมาณ 4 เท่าของส่วนสูงผู้ใหญ่ คือประมาณ 5.5-7 เมตร

           7. ทุกตารางนิ้วของผิวหนังเรามีแบคทีเรียอยู่เป็นจำนวนมากจนน่าตกใจ คือประมาณ 32 ล้านตัว และมันพร้อมที่จะทำให้คุณป่วยได้อย่างง่ายดาย

           8. กลิ่นตัวของเราเกิดขึ้นเพราะเหงื่อ โดยเฉพาะบริเวณเท้าจะขับเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะมีต่อมเหงื่ออยู่ถึง 50,000 ต่อมเลยทีเดียว


จาม

           9. ลมที่ออกมาจากปากเวลาจาม มีความเร็วไม่ต่ำกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เลยไม่แปลกที่เมื่อคุณอุดจมูกหรือปากเวลาจาม ลมก็จะหาทางออกทางอื่น และทำให้หูอื้อได้

           10. เส้นเลือดในร่างกายของคนเรามีความยาวรวมทั้งหมดราว 96,500 หรือเกือบแสนกิโลเมตร ขณะที่หัวใจของเราทำงานหนักมากในแต่ละวัน เพราะต้องสูบฉีดเลือดถึงวันละ 2,000 แกลลอนเลยทีเดียว

           11. แม้น้ำลายจะอยู่ภายในปากเล็ก ๆ ของเรา แต่เชื่อไหมว่าในช่วงชีวิตหนึ่งของคนเรา ผลิตน้ำลายมากพอที่จะเติมเต็มสระว่ายน้ำได้ 2 สระเลยล่ะ

นอนกรน

           12. ในช่วงอายุ 60 ปี ผู้ชายกว่า 60% และผู้หญิง 40% จะนอนกรน และเสียงกรนปกติจะดังประมาณ 60 เดซิเบล และสามารถดังได้มากกว่า 80 เดซิเบลด้วยซ้ำในบางคน 

           13. คนที่มีผมบลอนด์จะมีจำนวนผมมากกว่าคนที่มีผมสีอื่น โดยในขณะที่คนผมสีดำและน้ำตาลจะมีผมประมาณ 100,000-110,000 เส้น แต่คนผมบลอนด์จะมีผมมากถึง 146,000 เส้นเลยทีเดียว ส่วนคนผมแดงนั้นมีผมน้อยสุดที่ประมาณ 86,000 เส้น

           14. ยิ่งคนเราตัดเล็บบ่อย เล็บก็จะยิ่งยาวเร็วขึ้น และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราตัดเล็บมือบ่อยกว่าเล็บเท้า


เด็กทารก


           15. ศีรษะคนเราจะมีความยาว 1 ส่วน 4 ของลำตัวเมื่อแรกเกิด แต่เมื่อเติบโตขึ้น ศีรษะคนเราจะยาวเพียง 1 ส่วน 8 ของความสูงเท่านั้น

           16. คนเราสามารถนอนหลับโดยไม่กินอะไรเลยได้ติดต่อกันนานถึง 11 วัน แต่ถ้าหากกินแล้วไม่ได้นอนติดต่อกัน 11 วัน วันที่ 12 คุณจะนอนหลับไหลโดยไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีกเลย


          และทั้งหมดนี่ก็คือทั้ง 16 ความจริงที่เอามาฝากกัน เชื่อเลยว่ามีต้องมีหลายข้อเลยที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์และจุดประกายให้หลาย ๆ คนได้เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองเพิ่มมากขึ้นนะคะ ยังไงก็เป็นสิ่งที่อยู่กับเราไปตลอดชีวิตแล้วนี่




อ้างอิง http://health.kapook.com/view34896.html

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อาหารที่สามารถเป็นยาแก้ปวดได้

ปวดแค่ไหนอาหารก็เอาอยู่ ยาแก้ปวดจะตกงานก็คราวนี้เอง เพราะบรรดาอาหารเขาแท็คทีมออกมาประกาศตัวว่า อะไรที่ยาแก้ปวดทำได้พวกเราก็ทำได้เหมือนกัน อาหารที่ว่านี้ได้แก่
ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยสารไอโซฟลาโวนส์ ที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ โดยเฉพาะอาการอักเสบตามไขข้อ เพียงแต่จะต้องโด๊ปกันมากหน่อยถึง 40 กรัมต่อวัน ถ้าหมั่นดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองทุกวัน คุณจะเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่รู้จักคำว่าปวดไขข้อเลย
เชอร์รี่และสตรอเบอร์รี่ ผลไม้สองอย่างนี้เป็นตัวแทนของคำว่า สีแดงเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะในสารสีแดงของมันมี สารแอนทไซยานิน ที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวด และลดการอักเสบได้เหมือนยาแอสไพริน แต่อย่าลืมว่าการกินยาเรายังต้องจำกัดปริมาณการกินเชอร์รี่หรือสตรอเบอร์รี่ ก็เหมือนกัน เพราะมันมีน้ำตาลสูงมาก ถ้ากินไม่บันยะบันยังระวังจะหายปวดแต่ได้เบาหวานมาแทน
น้ำตาล เป็นยาแก้ปวดที่ใช้ได้ดีกับเด็ก เนื่องจากสารซูโครสที่อยู่ในน้ำตาลจะไปกระตุ้นระบบบรรเทาปวดที่ร่างกายเรามี อยู่ตามธรรมชาติ ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นความปวดเมื่อยจึงลดลงอย่างรวดเร็ว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เคล็ดลับ ‘ดื่มน้ำ’ ได้สุขภาพ

เมื่ออากาศเย็นลง จนทำใครหลายคนรู้สึกหนาวและอาจป่วยไข้ไม่สบายเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง ระยะนี้จึงต้องใส่ใจดูแลสุขภาพกันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องการดื่มน้ำ ที่ไม่ว่าจะฤดูไหน ก็ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ
สำหรับน้ำที่ดื่ม ไม่ควรเย็นจี๋ เพราะทำให้เส้นเลือดที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารหดตัวลง หากเป็นเช่นนั้นเซลล์จะปรับตัวและขยายตัวเพื่อดูดซึม ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการปรับอุณหภูมิก่อนดูดซึม จึงมักเกิดอาการจุกหน้าอกขณะกระหายน้ำ
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัย ชี้ว่า การดื่มน้ำเย็นจัดมากเกินไปจะทำให้ขีดความสามารถในการทำงานของสมองลดลงทันที ส่งผลกระทบต่อการขับรถ หรือทำงานที่ต้องใช้สมอง ซึ่งน้ำเย็นจัดเพียงแค่แก้วเดียว ยังทำให้สภาพจิตใจของบางคนลดลงร้อยละ15
ส่วนการดื่มน้ำร้อนจัดก็ไม่ควร เพราะความร้อนของน้ำอาจทำลายเยื่อบุช่องปากและทางเดินอาหาร จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรค
การดื่มน้ำที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควรเป็นน้ำที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงหรือต่ำกว่าอุณหภูมิร่างการเล็กน้อย เช่น น้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำที่มีอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ร่างกายจะดูดซึมไปใช้ในระบบหมุนเวียนเลือดได้ทันที
โดยเฉพาะในหน้าหนาว ช่วงเวลาที่ควรดื่มน้ำ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำไว้ 3 ช่วงด้วยกัน ประกอบด้วย แก้วแรกของวัน ดื่มระหว่าง 05.00-07.00 น. จะช่วยการขับถ่าย ช่วงต่อไป คือ 15.00-17.00น. จะช่วยล้างกระเพาะปัสสาวะ และแก้วสุดท้ายของวัน ดื่มก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง ช่วยการนอนหลับที่ดี
ในแต่ละวัน ปริมาณน้ำดื่มที่ร่างกายต้องการของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไปตามน้ำหนักตัว ซึ่งมีวิธีคำนวณง่ายๆ ในสูตร น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หาญด้วย 2 แล้วคูณด้วย 2.2 และคูณด้วย 30 จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นปริมาณน้ำหน่วย c.c. ที่ควรดื่มในแต่ละวันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำ ไม่ควรดื่มคราวละมากๆ เพราะจะทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย โดยควรดื่มแบบค่อยๆ จิบ เซลล์ในร่างกายจะดึงน้ำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ช่วย “ตับ” ขับพิษด้วยอาหาร

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่า ตับ เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้น การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพตับเป็นประจำจะช่วยแบ่งเบาภาระให้ตับได้ ซึ่งการที่ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมส่งผลให้ร่างกายมีพลังมากขึ้น

นอกจากหน้าที่ในการขับสารพิษแล้ว ตับยังช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เมื่อร่างกายต้องการตับที่แข็งแรงจะส่งผลให้มีสุขภาวะที่ดี เพราะตับช่วยลดการติดเชื้อ โดยช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย เราจึงต้องดูแลตับด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เสียแต่วันนี้
อาหารอันดับต้นๆ ที่ช่วยตับในการล้างพิษได้แก่ กระเทียม หัวหอม มะนาว ผักใบเขียว ดอกกะหล่ำและกะหล่ำปลี เพราะจะทำให้สารพิษที่เจือปนมากับอาหารอื่นนั้นมีสภาพเป็นกลาง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการผลิตน้ำดีซึ่งช่วยทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงได้แก่ องุ่น ส้ม แคนตาลูป มะละกอ พรุน ลูกเกด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะช่วยปกป้องตับจากสารอนุมูลอิสระที่จะมีปริมาณสูงขึ้นในกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย
นอกจากนี้อาหารที่มีวิตามินบีสูงอย่างธัญพืชที่ไม่ขัดสีต่างๆ และผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี อย่างพืชที่มีรสเปรี้ยวและผักใบเขียวทั้งหลาย จะช่วยในกระบวนการล้างพิษของตับ ส่วนอาหารที่เป็นพี่เลี้ยงช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของตับ ได้แก่ “เลซิติน” ซึ่งมีมากในไข่แดง ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เนื้อปลา ส่วน “ธาตุสังกะสี” ที่มีมากในเนื้อสับ ถั่วขาว เนื้อไก่และหอยนางรมก็ช่วยให้ตับทำหน้าที่ได้ดีขึ้น
หากจะดูแลรักษาตับอย่างเห็นผลก็ไม่ควรทานอาหารที่มีไขมันสูง เพราะตับสามารถผลิตคอเลสเตอรอลได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอยู่แล้ว สิ่งสำคัญในการป้องกันอันตรายให้แก่ตับ และเพื่อหลีกเลี่ยงโรคตับแข็ง ก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อให้อวัยวะหนึ่งเดียวนี้ช่วยขับพิษให้ ร่างกายได้อีกนาน

ที่มา :หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ