---

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

3 เทคนิคชาร์จพลังยามบ่าย


 


ทำงาน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         คุณมักจะรู้สึกเบื่อ ๆ เหนื่อย ๆ ในช่วงบ่ายหรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องปกติค่ะ โดยเฉพาะในช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสามโมงจะเป็นช่วงที่อุณหภูมิภายในร่างกายลดลงตามธรรมชาติของนาฬิกาชีวิต ส่งผลให้สมองของคุณคิดว่านี่มันเป็นเวลานอนแล้วนะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องหาวิธีมาชาร์จพลังยามบ่าย ด้วยเทคนิคดี ๆ ต่อไปนี้

 1.ดื่มกาแฟสักแก้ว แล้วงีบสักนิด

         ตอนเที่ยง ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วไปชงกาแฟเย็น ๆ หรือชาดำดื่มสักหน่อยดีกว่าค่ะ หลังจากนั้นก็งีบสัก 20 นาที (ตั้งนาฬิกาไว้ด้วยล่ะ เดี๋ยวจะนอนเพลิน) หลังจากคุณตื่นก็เป็นช่วงเวลาที่กาเฟอีนในแก้วกาแฟ หรือชาที่คุณดื่มไปก่อนหน้าเริ่มทำงานกระตุ้นให้ร่างกายคุณกระปรี้กระเปร่าแล้ว

 2.ลุกขึ้นมากระโดดตบซะ

         การออกกำลังกายที่ทำให้คุณกระฉับกระเฉงหรือกระปรี้กระเปร่า จะช่วยเร่งอัตราการเต้นของหัวใจได้ ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีที่ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นในยามบ่ายขึ้นมากทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ มันยังช่วยเพิ่มระดับอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล ซึ่งช่วยชาร์จพลังงานให้แก่ร่างกายด้วย ถ้าอยากสดชื่นก็อย่าได้แคร์ใคร เอ้า...ลุกขึ้นมากระโดดตบกันเร็ว!!!

 3.ออกไปสัมผัสแสงแดด

         อาการครึ่งหลับครึ่งตื่น หรือสัปหงกมักจะเกิดขึ้นได้ในยามบ่าย ฉะนั้น เพื่อขจัดอาการง่วงเหงาหาวนอน ในตอนเช้า ๆ ลองลุกออกไปเดินเล่นสัมผัสแสงแดดนอกบ้านดูบ้าง เพราะแสงแดดจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อของคุณไปสู่สมองมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกตื่น และสดชื่นต่อเนื่องนั่นเอง


บิสกิต เค้ก ขนมปังนิ่ม ของหวานนำโรคสู่สาว ๆ



เค้ก

บิสกิต เค้ก ขนมปังนิ่ม ของหวานนำโรค (Woman Plus)

          คุณรู้หรือไม่ว่า...จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยในประเทศสวีเดน ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินอาหารของผู้หญิงหกหมื่นคน เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องระหว่างการกินน้ำตาลกับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเนื้องอกในมดลูก พบว่า บิสกิต เค้ก หรือขนมปังนิ่ม ซึ่งเป็นของโปรดของสาว ๆ หลายคนนั้น หากกินอย่างต่ำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มีโอกาสเป็นมะเร็งมดลูกมากขึ้น 33%

          และสำหรับสาว ๆ ที่โปรดปรานขนมพวกนี้มาก ๆ ขนาดที่ว่าทานมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็มีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับเนื้องอกมากขึ้นถึง 42% เลยทีเดียว เนื่องจากเมื่อร่างกายของเรามีระดับน้ำตาลที่สูงเกิน ร่ายกายก็จะผลิตอินซูลินเพิ่มขึ้น เพื่อให้ช่วยกำจัดน้ำตาลส่วนเกิน ส่งผลให้เซลล์ในช่องคลอดเจริญเติบโตผิดปกติ ซึ่งนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งได้ ขณะที่อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า น้ำตาลจะกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งส่งผลให้เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติได้ด้วย

          ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็งที่ดีที่สุด คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมน้ำหนักเป็นประจำ เพราะฉะนั้น สาว ๆ คนใดที่มีบิสกิต เค้ก หรือขนมปังนิ่มเป็นของโปรด ก็คงต้องลดปริมาณการกินและหมั่นออกกำลังกายด้วยนะคะ


วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

ออกกำลังกายในน้ำ ลดพุง

ปัจจุบันคนไทยมีภาวะอ้วนและอ้วนลงพุงมากขึ้น จากการกินอาหารรสหวาน มันเค็มเพิ่มขึ้น แต่กินผักผลไม้น้อย และขาดการออกกำลัง ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ในกลุ่มอายุ 20-29 ปี มีภาวะโรคอ้วนเพิ่มขึ้น 7.5 เท่าตัว จากร้อยละ 2.9 เป็นร้อยละ 21.7 ในกลุ่มอายุ 40-49 ปี อ้วนเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า และล่าสุดในปี 2551 ผลการสำรวจภาวะอ้วนลงพุงในประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศของกรมอนามัยพบว่า เพศชายมีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตรร้อยละ 34 และเพศหญิงรอบเอวเกิน 80 เซนติเมตรร้อยละ 58 ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง


ที่สำคัญ คนที่อ้วนลงพุง จะมีไขมันสะสมในช่องท้องมากเกินไป ทำให้เป็นโรคอ้วนลงพุงหรือ เมตาบอลิก ซินโดรม (Metabolic Syndrome) มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือดสูง เสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น ได้แก่ เบาหวาน โรคความดัน โลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โดยรอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 เซนติเมตร จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นเบาหวาน 3-5 เท่า
ในต่างประเทศมีงานวิจัย ที่ยืนยันว่า คนอ้วนมีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้นด้วย เนื่องจากความต้องการพลังงานในแต่ละวันสูงกว่าคนทั่วไปจึงต้องการอาหารเพิ่ม ส่งผลให้ต้องทำการเกษตรมากขึ้น เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในการเดินทางยังต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น เพราะเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักจากการแบกรับน้ำหนักตัวของคนอ้วน รวมทั้งต้องใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มากขึ้น เช่นเปิดแอร์ เพราะคนอ้วนจะร้อนง่าย ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามโลกในหลายๆ ด้านและทำให้เกิดโรคติดเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย
แต่คนอ้วน หรือคนที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน ก็อย่างเพิ่งกังวลใจไป เมื่อเราอ้วนได้ ก็สามารถผอมได้ ซึ่งไม่ยากเกินไปที่จะทำเลยอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ และรับประกันความสำเร็จ ในการลดความอ้วน นั่นคือ การออกกำลังกายในน้ำ ทั้งนี้ รวมไปถึงการว่ายน้ำด้วย การออกกำลังกายชนิดนี้ จะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ใช้พลังงานมากกว่ายามปกติ เกิดการสลายไขมันสะสมได้เร็ว และมีประสิทธิภาพ


สำหรับคนที่ออกกำลังกายแบบว่ายน้ำ มาดูสักนิดว่า ว่ายน้ำท่าไหน จะช่วยเผาพลังงานได้มากที่สุด
-ท่าฟรีสไตล์ 200 แคลอรี/ครึ่งชั่วโมง
-ท่ากรรเชียง 200 แคลอรี/ครึ่งชั่วโมงเช่นเดียวกัน
-ท่ากบ 295 แคลอรี/ครึ่งชั่วโมง
แม้ท่ากบจะเผาผลาญพลังงานมากที่สุด แต่ก็ควรจะว่ายท่าอื่น เพื่อบริหารกล้ามเนื้อให้ได้ครบทุกส่วน และเพื่อความกระชับ ลดสัดส่วนสำหรับคนที่ลดความอ้วนด้วย
ส่วนการออกกำลังกายในน้ำประเภทแอโรบิกในน้ำ จะช่วยเผาผลาญไขมัน และช่วยเพิ่มความทนทานของระบบทางเดินหายใจและหัวใจได้ด้วย เช่นเดียวกับการออกกำลังกายบนบก โดยในเวลา 30 นาที จะเผาผลาญพลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 300 แคลอรี นอกจากนี้ การออกกำลังกายในน้ำยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยรองรับน้ำหนักไม่ให้เกิดแรงกดที่ข้อเข่าและข้อเท้าช่วยพยุงไม่ให้ล้มง่าย อีกทั้งแรงดันในน้ำ จะช่วยทำหน้าที่เหมือนการนวดทำให้ลดอาการปวดหลัง ลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ รู้สึกผ่อนคลาย ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น จึงเหมาะกับคนอ้วนมีน้ำหนักตัวมาก ผู้สูงอายุ และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์
ไปว่ายน้ำให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ แอโรบิกเพื่อความทนทานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก แถมยังเย็นใจอีกด้วย แบบนี้จะไม่ทำตามได้อย่างไร หันมาออกกำลังกายเพื่อช่วยลดน้ำหนักส่วนตัว นอกเหนือจากควบคุมอาหาร และไม่กินยาลดความอ้วน เพราะไม่มียาใดที่สามารถลดได้จริง และยังทำให้เกิดผลข้างเคียงทั้งทางร่างกาย และระบบประสาทด้วย 

กินเห็ด (ให้) เป็นยา

คะเนกันว่าบนโลกนี้มีเห็ดมากกว่าหนึ่งแสนชนิด แต่ที่มนุษย์รู้จักมีเพียงร้อยละสิบ และมีอยู่ 6 ชนิดที่โดดเด่นด้วยสรรพคุณทางยา จนได้รับการขนานนามว่า "เห็ดทางการแพทย์"
เห็ดทางการแพทย์หรือ Medicinal Mushrooms เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ได้เห็นและได้ยินบ่อยมากในระยะนี้ มันคืออะไร เห็ดสายพันธุ์ใหม่หรือผลิตภัณฑ์ใหม่จากเห็ดกันแน่ หลังตกอยู่ในสภาวะคาใจได้ไม่นาน  ความสงสัยก็ผลักดันให้ต้องฝ่าน้ำท่วมไปหาข้อมูลมาฝากกันเช่นเคย  เป็นที่มาของบทความในมือคุณขณะนี้นั่นเอง ไม่ใช่พืช ไม่ใช่สัตว์ หากแต่เป็น "เห็ด" เห็ดคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ทั้งพืชและสัตว์ แต่ประกอบไปด้วย  สามทหารเสือ อันได้แก่ เห็ด รา และยีสต์ มีหน้าที่ตามธรรมชาติในการย่อยสลายสารอินทรีย์ ข้อดีที่เห็นชัดเจนคือ เป็นตัวบ่งชี้ความบูดเน่าของอาหารหรือเป็นหลักฐานแสดงความเก่าเก็บแก่ข้าวของ มนุษย์เรารู้จักประโยชน์จากเห็ด รา และยีสต์มาเนิ่นนานแล้ว 
ทั้งจากการค้นพบยาเพนนิซิลลินจากเชื้อราบนขนมปัง การค้นพบชีสโดยบังเอิญของคนเลี้ยงแกะในยุโรป การใช้ยีสต์เพิ่มความนุ่มฟูแก่  ขนมปัง กระทั่งภูมิปัญญาการแพทย์แผนโบราณของเราชาวโลกตะวันออก โดยเฉพาะชาวจีนและญี่ปุ่นที่มีบันทึกตำรายาว่าด้วยการใช้ประโยชน์จากเห็ดในฐานะยามาเนิ่นนาน ด้วยเหตุนี้เอง วงการวิทยาศาสตร์จึงเริ่มหันมาสนใจศึกษาสรรพคุณทางยาของเห็ดกันอย่างจริงจังเมื่อราว 50 ปีที่แล้ว โดยเน้นไปที่เห็ดในตำรายาของชาวจีนและญี่ปุ่น อันเป็นที่มาของ "เห็ดทางการแพทย์"  หรือ Medicinal Mushrooms ในปัจจุบัน "เห็ดเป็นยา" จากภูมิปัญญาสู่การรักษาโรค ในบรรดาเห็ดกินได้บนโลก หลายชนิดใช้เป็นอาหารเพียงอย่างเดียว
เช่นกันกับอีกหลายชนิดที่ใช้เป็นยารักษาโรคได้ ในเมืองไทยเองพิพิธภัณฑ์เห็ดที่มีฤทธิ์ทางยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า  มีเห็ดถือกำเนิดขึ้นในบ้านเรากว่าหมื่นชนิด แต่ที่ถูกค้นพบและบันทึกในฐานข้อมูลมีเพียงหนึ่งพันชนิด โดยกว่าแปดร้อยชนิดเป็นเห็ดที่ขึ้น
แถบภาคอีสาน กว่าครึ่งนั้นเป็นเห็ดกินได้และใช้เป็นยาได้ ในคราวนี้เราจะพูดถึงเห็ดเพียง 6 ชนิดที่มีการค้นคว้าวิจัยแล้วทั่วโลก และได้รับการยกย่องให้เป็นเห็ดทางการแพทย์ ซูเปอร์เห็ด  ทั้ง 6 ชนิด ได้แก่ เห็ดไมตาเกะ (Maitake Mushroom) ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาของเห็ดทั้งปวง" โดยพิพิธภัณฑ์เห็ดที่มีฤทธิ์ทางยาได้ให้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า "เห็ดขอนช้อนซ้อน" เพราะมักพบตามขอนไม้และมีรูปร่างคล้ายช้อนเรียงซ้อนกันอยู่ นับเป็นหนึ่งในเห็ดซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยไมตาเกะหนึ่งดอกนั้นอาจมีขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลได้เลย ชาวจีนและญี่ปุ่นใช้ไมตาเกะเป็นยาสมุนไพรมานานปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้เป็นยาลดความดันโลหิต ปัจจุบันเห็ดไมตาเกะได้พิสูจน์คุณค่าผ่านการวิจัยแล้วว่าช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ จึงมีส่วนช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิต รวมทั้งมะเร็ง ทั้งยังประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมาย ทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม เส้นใยอาหาร กรดแอมิโน และวิตามินอีกหลายชนิด ด้วยคุณสมบัติทางการแพทย์ดังกล่าว ประกอบกับเห็ดที่มีน้อยในธรรมชาติ จึงทำให้เห็ดไมตาเกะมีราคาสูงและมักนำมาสกัดเป็นเม็ดเพื่อประโยชน์ทางการรักษาโรค เห็ดยามาบูชิตาเกะ (Yamabushitake Mushroom) บางคนเรียก "เห็ดหัวลิง" หรือ "เห็ดปุยฝ้าย" เป็นอีกหนึ่งเห็ดหายากในธรรมชาติจึงได้ฉายาว่า "Mountain Hidden Mushroom" เพื่อการใช้ประโยชน์ทางยา ทุกวันนี้จึงมีการเพาะเลี้ยงในระบบปิดเพื่อควบคุมคุณภาพและเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จากการวิจัยด้านโภชนาการทำให้พบว่า เห็ดหัวลิงนี้เป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอด เพราะมีกรดแอมิโนเป็นส่วนประกอบมากถึง 16 ชนิด

โดย 7 ชนิดนั้นเป็นกรดแอมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งยังมีสารเลนติแนน(Lentinan) และเปปไทด์ที่มีผลต่อการเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย นอกจากนี้ตำราการแพทย์ของจีนระบุไว้ว่า เห็ดชนิดนี้ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาเพิ่มพลังวังชา และช่วยต้านมะเร็ง เห็ดหลินจือ (Reishi, Ling Chih or Ling Zhi Mushroom)เห็ดชื่อดังของชาวจีนที่มีประวัติการใช้งานมานานตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือราว 2,000 ปีล่วงมาแล้ว โดยชาวจีนโบราณนิยมใช้เห็ดหลินจือรักษาอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ กำจัดสารพิษ รักษาหอบหืดและบรรเทาอาการไอ แต่เทคโนโลยีทุกวันนี้ทำให้เรารู้ว่าเห็ดหลินจือมีประโยชน์มากกว่านั้น เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ บำรุงตับ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ชะลอวัย ช่วยต้านแบคทีเรียไวรัส และมะเร็งได้อีกด้วย นอกจากคุณสมบัติทางการแพทย์ที่แทบจะครอบจักรวาล เห็ดหลินจือในธรรมชาติยังเติบโตช้า พบได้น้อยและมักอยู่ในป่าลึก  โดยเฉพาะตามขอนไม้ผุๆ หรือซากต้นไม้ในเขตชายทะเล ส่งผลให้มีราคาสูงมากตามไปด้วย และเห็ดหลินจือที่นิยมมากที่สุดทั้งในภูมิภาคเอเชียและอเมริกาเหนือนั้นเป็นสายพันธุ์สีแดง เห็ดถั่งเฉ้า (Cordyceps) เห็ดหน้าตาประหลาดที่ชาวตะวันตกเรียกขานว่า "เห็ดตัวหนอน" หรือ Caterpillar Fungus เพราะวงจรชีวิตนั้นมักอยู่บนตัวอ่อนหนอนผีเสื้อ จัดเป็นเห็ดหายากชนิดหนึ่งเนื่องจากพบได้เฉพาะตามแถบภูเขาสูงในเอเชีย เมื่อครั้งอดีตมักใช้เป็นยาสมุนไพรสำหรับชนชั้นสูง เพื่อเป็นยาโป๊วบำรุงกำลัง บำรุงปอด ไต หัวใจ และระบบภูมิคุ้มกัน ปัจจุบัน
นักวิชาการพบว่าเห็ดถั่งเฉ้านี้มีสารประกอบที่ดีต่อระบบทางเดินหายใจช่วยให้ปอดนำออกซิเจนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีอยู่เสมอนั่นเอง เห็ดชิตาเกะ (Shitake Mushroom) หรือในภาษาจีน ภาษาเวียดนาม และภาษาไทย มีชื่อเรียกที่แปลได้ตรงกันว่า "เห็ดหอม" เห็ดชนิดนี้ไม่ได้มีราคาเกินเอื้อม ดังจะเห็นได้บ่อยในเมนูทั่วไปที่กินกันอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะเมนูอาหารจีนนั้นแทบจะขาดเห็ดหอมไม่ได้เลย เช่นเดียวกันกับประวัติการแพทย์จีนที่มีชื่อเห็ดหอมอยู่เคียงคู่มานานกว่า 6,000 ปีแล้ว  คนจีนโบราณนิยมใช้เห็ดหอมเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงเลือดลม ป้องกันมะเร็ง โรคหัวใจและโรคติดเชื้อจากไวรัส สมัยราชวงศ์หมิง เห็ดหอมยังเป็นสมุนไพรชะลอชราและช่วยเพิ่มพลังอีกด้วย ตัวเลขทางโภชนาการปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า เห็ดหอม 1 ถ้วยมีวิตามินบี 3 มากถึงร้อยละ 30 ของที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว ไม่นับสารอาหารอื่นๆ อีกเพียบ ที่สำคัญคือเห็ดหอมมีสารเลนติแนนที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้พร้อมต่อสู้เชื้อโรคอยู่เสมอ และยังช่วยลดไขมันในเลือดได้ด้วย เห็ดแครง (Schizophyllum Commune) หรือ "เห็ดตีนตุ๊กแก" เป็นเห็ดที่พบได้ทั่วไปออกดอกตลอดปี และมีในเมืองไทย โดยเมนูสุดฮิตจากเห็ดแครงนั้นได้แก่ ไข่เจียว แกงกะทิห่อหมก และงบ นอกจากรสชาติอร่อยถูกปากแล้ว เห็ดแครงยังมีสารสำคัญคือ Schizophyllanที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเนื้องอก โดยไปเพิ่มประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันร่างกายเช่นเดียวกับเห็ดอื่นๆ เห็นประโยชน์นานาประการอย่างนี้แล้ว ชวนให้หิวเห็ดขึ้นมาบ้างหรือยังคะ ว่าแต่เห็ดบนโลกนี้มีตั้งมากมาย ทำไมเห็ดทางการแพทย์ต้องเป็นแค่เห็ดทั้งหกชนิดดังกล่าว หัวข้อต่อไปคือคำตอบค่ะ เรื่องไม่ลับของซูเปอร์เห็ดทั้ง 6 อ่านคุณสมบัติของซูเปอร์เห็ดทั้ง 6 มาจนครบถ้วนแล้ว คุณผู้อ่านหลายคนอาจจะสังเกตเห็น
คุณประโยชน์ที่เป็นลักษณะร่วมกันได้บ้างแล้ว นั่นก็คือ เห็ดทางการแพทย์ดังกล่าวมีส่วนสำคัญยิ่งในการ "เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน" ซึ่งเป็นแนวรบที่ดีที่สุดของร่างกายสำหรับรับมือกับโรคเบาๆ อย่างโรคหวัดไปจนถึงโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเอดส์นั่นเลยทีเดียว แล้วอะไรที่ทำให้เห็ดทั้ง 6 มีคุณค่าชนะเลิศเห็ดอีกนับแสนชนิด คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ เบต้ากลูแคน (Beta-glucan) หรือสารประกอบน้ำตาลโมเลกุลเชิงซ้อน (พอลิแซคคาไรด์)ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำ ช่วยในการย่อยและขับถ่าย ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นสารมหัศจรรย์เพราะมีคุณค่าหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ตื่นตัวพร้อมรับมือเชื้อโรคเสมอ ช่วยลดความรุนแรงจากการติดเชื้อ และทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยเร็วขึ้น นอกจากนี้เบต้ากลูแคนยังมีประโยชน์ด้านความงาม เพราะช่วยผลัดเซลล์ผิว ชะลอวัย และรักษาสิวได้ดังจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์เพื่อความงามหลายชนิดที่ใช้เบต้ากลูแคนเป็นส่วนผสม เช่น ครีมกันแดด เซรั่มปกป้องผมจากแสงแดด ครีมรักษาสิว ครีมลดรอยแผลเป็นเป็นต้น  ทุกวันนี้เบต้ากลูแคนจากเห็ดทางการแพทย์ทั้ง 6 ชนิดถูกสกัดออกมาเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับใช้เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพ แต่สำหรับผู้ที่ไม่นิยมกระแสทางลัดสุขภาพดี ยังสามารถมีสุขภาพดีจากอาหารตามธรรมชาติได้เช่นกัน อยากได้เบต้ากลูแคน กินอะไรทดแทนดี สำหรับคนรักสุขภาพที่ต้องการคุณค่าจากเบต้ากลูแคนสามารถค้นพบประโยชน์จากสารมหัศจรรย์นี้ได้ในอาหารจำพวกยีสต์ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต จมูกข้าว และสาหร่าย
นอกจากนี้เห็ดกินได้ชนิดอื่นๆ ยังมีประโยชน์มากมาย  เช่นกัน แม้จะมีเบต้ากลูแคนน้อยกว่าซูเปอร์เห็ดทั้ง 6ก็ตาม แต่สิ่งที่คุณจะได้แน่ๆ จากบรรดาเห็ดแสนอร่อยก็คือ โปรตีน เส้นใยอาหาร วิตามินและเกลือแร่ในปริมาณสูง แต่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ยกตัวอย่างเช่น เห็ดแชมปิญองซึ่งมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการต่อวันสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นซีลีเนียมร้อยละ 52 วิตามินบีร้อยละ 40ทองแดงร้อยละ 35 ทริปโตแฟนร้อยละ 25 ฟอสฟอรัสร้อยละ 18 และโปรตีนร้อยละ 10 เป็นต้น มาถึงบรรทัดนี้คุณคงรู้แล้วว่า สิ่งสำคัญของเห็ดทางการแพทย์นั้นก็คือเบต้ากลูแคนสารมหัศจรรย์จากเห็ดที่มีคุณค่ายิ่งต่อร่างกาย ส่วนจะเลือกคุณค่าจากเห็ดธรรมชาติหรือเห็ดที่ผ่านการสกัดเข้มข้น แล้วแต่ความชอบละกันนะคะ 

อาหาร 8 ชนิดที่เราอาจไม่ได้กินอีกต่อไป

ใครคิดว่าสภาพอากาศของโลกเราเปลี่ยนไปแล้วบ้าง? หากใครต้องการข้อพิสูจน์ "อาหารและเครื่องดื่ม" จานโปรดของใครหลายคนอาจเป็นหลักฐานได้อย่างดี เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ฝนที่ตกแบบไม่มีฤดูกาล และภาวะแห้งแล้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำผึ้ง กาแฟ ช็อกโกแลต และเบอร์เบิ้น ฯลฯ ... แค่นี้ก็อาจทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงปัญหาสภาพดินฟ้าอากาศกันแล้วก็เป็นได้


ขนมปัง
ภาวะขาดแคลนขนมปังเริ่มกลายเป็นความจริงที่น่าตกใจ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ราคาของธัญพืชทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เนื่องจากความร้อน ความแห้งแล้ง และไฟป่าในรัสเซีย รวมทั้งอุทกภัยที่ออสเตรเลียด้วย ผลผลิตข้าวสาลีที่เสียหายเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นปัจจัยสำคัญของการปฏิวัติ "อาหรับสปริง" (ประชาชนประท้วงรัฐบาลที่ปล่อยให้ข้าวยากหมากแพง และขนมปังก็เป็นอาหารหลักของชาวอาหรับ) ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผลกระทบของสภาวะอากาศต่อผลผลิตทั่วโลกถือว่าเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น อีก 20 ปีข้างหน้า ราคาขนมปังจะเพิ่มขึ้นถึง 90% และเพื่อเตรียมการต่อภาวะข้าวสาลีขาดตลาด บริษัทใหญ่อย่าง Glencore และ Cargrill จึงได้ตั้งเป้าผูกขาดตลาด เพื่อทำกำไรสูงสุดหากปริมาณข้าวสาลีทั่วโลกยังลดลงต่อเนื่อง
ช็อกโกแลต
สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไม่เพียงแต่ทำให้น้ำแข็งเท่านั้นที่ละลาย ช็อกโกแลตที่รักของหลายๆ คนก็เช่นกัน อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 3 องศาก็ส่งผลให้เมล็ดโกโก้ในกานาและไอเวอรี่โคสต์ลดลงอย่างฮวบฮาบ ปรากฏการณ์นี้ส่งผลอย่างมากต่อประเทศแถบแอฟริกาซึ่งทำรายได้จากการขายโกโก้ (ขายดีขนาดเปรียบเปรยกันว่า ชาวบ้านสามารถเก็บเมล็ดโกโก้จากต้นแล้วไปแลกเป็นเงินสดได้ทันที) แต่โชคยังดีที่แม้วัตถุดิบช็อกโกแลตจะลดลง แต่มันก็ยังไม่หายไปเสียทีเดียว กลุ่มประเทศที่ปลูกต้นโกโก้อาจต้องย้ายพื้นที่เพาะปลูกไปยังที่เหมาะสมกว่า สภาพอากาศเย็นกว่า ประมาณ 200 ไมล์จากชายฝั่ง และหากมองในแง่ดี ผลผลิตโกโก้ที่ลดลงอาจทำให้คุณภาพช็อกโกแลตดีขึ้นก็ได้
กาแฟ
ถือเป็นอาหารที่หายากไปเรียบร้อยแล้วสำหรับกาแฟ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศ วงจรฝนที่เปลี่ยนไป ส่งผลกระทบกับทุกภูมิภาคที่ปลูกกาแฟ เช่น บราซิล เวียดนาม แอฟริกา สิ่งยืนยันว่าผลผลิตกาแฟลดลงเห็นได้จากราคากาแฟที่สูงขึ้นอย่างมาก ระหว่างปี 2010 ถึง 2011 ผู้ผลิตกาแฟในสหรัฐอเมริกาอย่าง Maxwell House และ Folgers ขึ้นราคากาแฟถึง 25%


เบอร์เบิ้น
การผลิตเบอร์เบิ้นในมลรัฐเคนตักกี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศตามฤดูกาล สภาพอากาศและอุณหภูมิของโลกเปลี่ยนไป ส่งผลต่อรสชาติและสีสันของเบอร์เบิ้น เป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้จากรูปแบบฤดูกาล และตามที่คาดการณ์ไว้ว่าใน 100 ปีข้างหน้า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้น 3 องศา ก็อาจทำให้มลรัฐเคนตักกี้ไม่สามารถผลิตเบอร์เบิ้นได้อีกเลย

น้ำผึ้ง
หนึ่งในตัวบ่งชี้ผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก็คือการตายของ ผึ้งเป็นจำนวนมาก และแน่นอนจำนวนผึ้งที่ลดลงย่อมทำให้สิ่งที่ผึ้งเท่านั้นผลิตได้อย่าง "น้ำผึ้ง" ลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม ของหวานชนิดนี้ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว เพราะผึ้งถือเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ที่ปรับตัวกับโรคภัยไข้เจ็บได้ดี เพราะฉะนั้น มันอาจจะปรับตัวกับอุณหภูมิโลกที่เปลี่ยนไปได้

ถั่วลิสง
ดูเหมือนว่าการผลิตถั่วลิสงจะได้ประโยชน์จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เพราะถั่วลิสงออกผลผลิตดีขึ้นเมื่อมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น แต่ทว่าในฤดูร้อนที่แห้งแล้งก็ทำให้ผลผลิตถั่วลดลงไปมาก การขาดแคลนถั่วลิสงยังหมายถึงเนยถั่วที่ลดลงด้วย ราคาเนยถั่วได้พุ่งสูงขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างที่บอกว่าถั่วลิสงออกผลผลิตได้ดีในที่มีคาร์บอนไดออกไซด์สูง จึงคาดการณ์กันว่าจะกลับมาเพาะปลูกได้อีกในปีหน้าที่อากาศเริ่มเย็นลง

อากาเว่
อากาเว่เป็นอาหารให้คาร์โบไฮเดรตตัวหลักของชาวเม็กซิกัน และเป็นวัตถุดิบผลิตเตกีล่าด้วย แต่ด้วยความแห้งแล้งในภาคเหนือของเม็กซิโกทำให้การทำเกษตรทุกประเภทได้รับผล กระทบ และรัฐบาลก็ถูกกดดันจากอเมริกาและยุโรปให้ปลูกข้าวโพดเพื่อผลิตเอทานอลแทน นั่นอาจหมายถึงเราจะมีเอทานอลเพิ่มขึ้นขณะที่เตกีล่าน้อยลง

ไวน์
อากาศที่ร้อนขึ้นในพื้นที่ปลูกองุ่นของแคลิฟอร์เนียอาจทำให้ปริมาณองุ่นลดลง ถึง 50% จากที่เคยผลิตได้ในปี 2004 และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศก็กำลังพบเจอกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเช่นกัน การผลิตไวน์อาจจะต้องย้ายที่ เมืองฟิงเกอร์เลคที่ชานเมืองนิวยอร์กและพูเก็ตซาวนด์ในรัฐวอชิงตันอาจจะกลาย เป็นพื้นที่เพาะปลูกไวน์แห่งใหม่ก็เป็นได้

ฟิตแอนด์เฟิร์มด้วย ‘เดินพญานาค’

ท่าเดินพญานาคนั้นคล้ายกับท่าออกกำลังกายด้วยโยคะ แต่ที่เพิ่มเติมมาคือจังหวะในการเดิน ทำให้ทุกส่วนของร่างกายได้ขยับเคลื่อนไหวไปพร้อมๆ กัน ไอเดียของการเดินพญานาคนี้ต้องยกความดีให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอในจังหวัดหนองคาย ที่คิดขึ้นมาเพื่อสร้างเสริมสุขภาพให้แก่คนในชุมชน โดยใช้คติความเชื่อมาผนวกกับท่าออกกำลังกายได้อย่างเข้าที วิธีทำก็แสนง่ายดายแถมยังไม่ต้องเสียสตางค์สักบาทอีกด้วย เวิร์คสุดๆ เลยละ


ได้อะไรจากการเดินพญานาค
• ร่างกายได้เคลื่อนไหวทุกส่วน แขนและขาเหยียดตึงกระชับ ไร้เซลลูไลท์
• เพิ่มความแข็งแรงและเฟิร์มกล้ามเนื้อลำตัว เพราะการโน้มลำตัวไปด้านข้างระหว่างเดินจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อตั้งแต่ใต้รักแร้ เอว และสะโพกท่อนบน ให้กระชับตึงไม่มีเนื้อส่วนเกินกวนใจเวลาใส่เสื้อผ้า
• ได้สังคม การเดินพญานาคพร้อมกันเป็นขบวนจะทำให้คุณสนุกสนานได้อย่างไม่น่าเชื่อ และช่วยสร้างความสามัคคีได้ด้วยนะคะ
เดินพญานาคกันเถอะ
ท่าเดินพญานาคนี้ต้องใช้พื้นที่ในการวาดลวดลายสักหน่อย จะเป็นสนามหญ้านุ่มๆ หน้าบ้านก็สดชื่นดี ให้เวลาคุณได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสวมใส่สบาย แล้วค่อยมาเดินพญานาคไปพร้อมๆ กันค่ะ
เริ่มจากยืนตัวตรง แยกเท้าออกเล็กน้อยเพื่อความมั่นคง ชูแขนทั้งสองข้างเหยียดตรงขึ้นเหนือศีรษะ สังเกตได้ว่าแขนท่อนบนจะแนบใบหู ไขว้ข้อมือประกบกันเป็นท่าพนมมือ จากนั้นสูดหายใจเข้าให้เต็มปอด ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าหนึ่งก้าวให้เยื้องมาทางซ้ายในลักษณะไขว้ พร้อมทั้งค่อยๆ โน้มลำตัวซีกซ้ายลงด้านข้างให้ได้มากที่สุด ค้างไว้ 2-3 วินาทีค่อยยืดตัวขึ้นตรง แล้วเดินสลับขาพร้อมทั้งโน้มตัวไปเช่นนี้เรื่อยๆ สังเกตให้ดีจะพบว่าลักษณะของมือและท่วงท่าการเดินนั้นชวนให้นึกถึงรูปปั้นพญานาคหน้าโบสถ์ อันเป็นที่มาของชื่อเรียกว่าเดินพญานาคนั่นเอง
มือใหม่ในการเดินพญานาคอาจต้องโอดครวญกับความปวดเมื่อยในระยะแรก แนะนำว่าควรวอร์มร่างกายเสียก่อน และเริ่มทำวันละน้อยครั้งก่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจเริ่มจากวันละ 50 ครั้งก่อน สัปดาห์ต่อไปค่อยเพิ่มเป็นวันละ 100-200 ครั้ง หากทำเป็นประจำจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในสัปดาห์ที่สองค่ะ
ฝึกท่าให้เป๊ะ เลิกงานเย็นนี้ลองชวนคนในครอบครัวและเพื่อนไปเดินพญานาคด้วยกันสิคะ

จับตาเทรนด์อาหารสุขภาพ ปี 2555

       สำหรับ ปี 2555 ช่วงนี้เทรนด์สมุนไพรกับสุขภาพต่างๆมีค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่เรื่องขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม หอม สามารถทานได้ทุกฤดู ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศบ้านเราด้วย เพราะว่าตอนนี้แปรปรวนเหลือเกิน อากาศเย็นๆแบบนี้ น้ำขิงก็ช่วยได้นะคะ ขับลมอะไรต่างๆด้วย นอกจากสมุนไพรแล้ว ในเรื่องของอาหารชะลอชรา หรือ Entry Aging ก็มาแรงแซงโค้งเลยนะคะ ยิ่งกว่า Fast Food เสียอีก รวมไปถึงคอลลาเจนด้วย ที่มีเยอะตามท้องตลาด





ในเรื่องของอาหารต้านชรา พวก Entry Aging ทั้งหลาย เริ่มแรกก็คงต้องมาจากอาหารการกินก่อน เดี๋ยวนี้ค่อนข้างมาเป็นซองๆซะเยอะ อย่างคนนี้แนะนำให้ทาน มาละ 10 เม็ด คนนี้แนะนำว่าดีมากเลย ให้มากอีก โดยที่ไม่ได้ศึกษาร่างกายของตัวเองเลยว่าต้องการอะไร ร่างกายตัวเองมีอะไรที่พร่องไปหรือมันดีอยู่แล้ว สมดุลอยู่แล้ว หรือบางตัวมันเกิน อย่างคนไข้ของดิฉันบางคน ทานเยอะมาก ทานโดยที่ไม่ได้ตรวจเลือด ตรวจสภาวะร่างกายก่อน แต่จริงๆแล้วถ้าเราได้มีการตรวจสภาพร่างกายก่อน มีการตรวจเลือด อาจจะดูสภาวะเม็ดเลือดเป็นอย่างไรบ้าง มีไขมันมาเกาะไหม ตัวไหนเกิน อะไรแบบนี้ หรือควรได้วิตามินบางตัว อะไรบ้าง อันนั้นจะมีประโยชน์กับเรามากกว่า จริงๆแล้วนอกจากเรื่องของเทรนด์อาหาร วิธีการดูแลแบบ Entry Aging ที่เฉพาะบุคคลมันก็จะมาด้วยสำหรับเทรนด์นี้จะมาแรงเลย คือ การตรวจสภาวะ การตรวจเลือดก่อน ตรวจความผิดปกติของร่างกาย โดยใช้เครื่องชนิดพิเศษ ปัจจุบันสำหรับที่อเมริกาเขาก็เริ่มใช้กันแล้ว ในบ้านเราก็เริ่มมีแล้ว ก่อนที่จะรับประทานอะไร ปกติหลายคนลบอกว่า วิตามิน ซี ดี อี ทุกคนตื่นมาจะต้องกิน ซ กิน เอ กิน อี อะไรก็ตาม แต่คราวนี้ เราจะต้องไปตรวจร่างกายก่อนว่าร่างกายขาดอะไร แล้วหมอก็จะให้วิตามินหรืออาหารเสริมที่เหมาะกับคุณ บางคนบอกว่าอันนี้ฉันจัดมาเพื่อเธอแล้ว แต่ความจริงเลือดยังไม่ได้ตรวจเลย ยังไม่ได้นั่งคุยกันเลยว่าพฤติกรรมการรับประทานอาหารของเราเป็นอย่างไรบ้าง ปัจจุบันจะเป็นทางด้านการค้ามากกว่า





โดยองค์ความรู้ทางด้านอาหารต้านชราหรือชะลอวัยนี้เป็นศาสตร์ที่ดีมากเลย เราจะทำอย่างไรให้คนทุกคนเข้าถึงบริการนี้ได้อย่างง่ายๆ ไม่ใช่คนมีเงินเท่านั้นที่จะได้รับบริการแบบนี้ ดิฉันอยากให้บริการที่ดีๆเหล่านี้เข้าถึงทุกคนเลย จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง Entry Aging หรืออายุยืนยาวไม่ได้หมายถึงเฉพาะเรื่องของริ้วรอย แต่รวมไปถึงร่างกายข้างในด้วย สำหรับคนไข้บางคนปวดศีรษะ ไปรักษามาหลายหมอแล้ว เปลี่ยนยาเป็นแผนปัจจุบันก็แล้ว อะไรก็แล้ว แต่ก็ไม่หาย เราก็ต้องดูว่าปวดศีรษะเกิดจากอะไร หลังจากซักประวัติแล้ว นอนเพียงพอไหม อะไรต่างๆ มีเรื่องเครียดหรือเปล่า อาหารก็มีส่วนสำคัญด้วยเหมือนกัน แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เราจะต้องตรวจเลือดก่อน อย่างเช่น เราจะต้องตรวจสารสื่อประสาท แค่การตรวจปัสสาวะเอง ง่ายๆ ตรวจสารสื่อประสาทในปัสสาวะ เป็นต้น เราก็จะทราบแล้วว่าคนนั้นมีปัญหาอะไรบ้าง ก่อนที่จะให้คำแนะนำในเรื่องของอาหารการกินว่า ควรจะทานอันนี้นะ ควรหลีกเลี่ยงอันนี้


สำหรับผักพื้นบ้านก็มีคนทำวิจัยกันเยอะว่าเราต้องหันมารณรงค์ทานผักบ้านเรา กันเยอะมากขึ้นไหม ถ้าพูดถึงผักพื้นบ้านบ้านเรานี้มีวิตามิน คุณค่าทางสารอาหาร อะไรพวกนี้ก็ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมะรุม ที่ยังมาแรงอยู่ เรื่องของสะเดาต่างๆ ยอดสะเดา กระถิ่น หรือว่าผักแพว ขี้เหล็ก ได้ทั้งยอดขี้เหล็ก ใบขี้เหล็ก ดอกขี้เหล็ก สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง คนเมืองอิจฉานะ เพราะคนที่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเขามีผักสดกิน ส่วนคนในเมืองจะรู้จักแต่ผักเศรษฐกิจกันซะส่วนใหญ่

อีกเรื่องหนึ่งที่กำลังฮิตก็คือ อาหารพวกปรุงน้อย พวกรสธรรมชาติ หรือ Low Food ไม่ใช่อาหารดิบ กินปลาดิบ หรือผักดิบ แต่เป็นอาหารที่ปรุงน้อย เครื่องปรุงน้อย เรียกง่ายๆคืออาหารที่ผ่านความร้อนน้อยที่สุด วิตามินหรือคุณค่าทางอาหารจะได้ไม่สูญหายตามหลักโภชนาการ


ในแง่ของการดูแลสุขภาพ อย่าง Entry Aging ให้เซลล์ของตัวเองดี ให้ในร่างกายของตัวเองดี ไม่ต้องทานอาหารเสริมเยอะๆ แต่กินอาหารรอบตัว ดูแลดี คุณชนิกา จรจำรัส ทวิทิพอาภา ได้ฝากไว้ว่า จริงๆแล้วอาหารที่จะชะลอชราเลยต้องเริ่มมาจากพื้นฐานร่างกายที่ดีก่อน อาหารเราต้องทานให้ครบหมวดก่อน อันดับแรกเลยและสำคัญที่สุด ครบ 5 หมู่เลย จานสุขภาพของเรา

อันที่สองคือในเรื่องของน้ำดื่ม เรื่องของการจัดการน้ำในร่างกายของเรา คือ ตั้งแต่ตื่นนอนเลย ยังไม่ต้องทำอะไร ตื่นนอนแล้วดื่มน้ำทันที ย้ำว่าต้องเป็นน้ำอุ่นด้วยถึงจะดี เริ่มแรกเลยตอนที่เราตื่นมา ถ้าเราดื่มน้ำแบบพรวดลงไปเลย จะทำให้เราระบายดี แต่ถ้าระหว่างวันใช้เป็นค่อยๆจิบก็ได้ ความจริงตอนเช้าร่างกายของเราต้องการน้ำมาก เพราะถ้าลองนึกดู ตั้งแต่เรานอนจนถึงตื่นนอนร่างกายเราไม่ได้รับน้ำเลย เมื่อเราดื่มน้ำเสร็จร่างกายเราจะสดชื่นขึ้นมาทันที ในเรื่องของอาหาร จะต้องครบทั้ง 5 หมู่ ในเรื่องของน้ำก็สำคัญ ถ้าอยากจะมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบ้าง ซึ่งเราก็ห้ามคนไข้ไม่ได้จริงๆ เพราะทุกคนก็ทาน แต่เราอยากให้ตรวจสภาพร่างกายกันก่อน

และที่สำคัญที่สุดก็คือในเรื่องของจิตใจ การออกกำลังกาย เป็นเรื่องสำคัญ
สำหรับปลา ถือว่าเป็นอาหารชะลอวัยได้ เพราะปลาถือว่าเป็นเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ ในหมวดโปรตีนทั้งหมด ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกทานปลาไว้ก่อน หมูเอาไว้ท้ายๆ เนื้อขาวกับเนื้อแดง ควรเลือกเนื้อขาวไว้ก่อน เน้นการชะลอชราได้